โอกาสและความท้าทายของพลังงานสะอาด เพื่อก้าวใหัทันกับกระแสโลก สองธุรกิจยักษ์ใหญ่ ร่วมมือกันเปิดโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนแห่งใหม่ ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นำร่องผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ภายใต้การดูแลของ ‘บริษัท ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน)’ กับเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน

https://www.shell.co.th ระบุว่า ความต้องการพลังงานทั่วโลกสูงขึ้นต่อเนื่อง จากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น และมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดี ภายในปี ค.ศ. 2050 คาดการณ์ว่า จำนวนประชากรบนโลก จะเพิ่มขึ้นถึง 9 พันล้านคน เพิ่มจากปัจจุบันเกือบ 2 พันล้านคน

ผู้คนมากมายในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ จะกลายเป็นชนชั้นกลางของโลก คนเหล่านี้จะซื้อหา ตู้เย็น คอมพิวเตอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ที่แย่งกันใช้พลังงาน และจะมีผู้คนอีกมากมายแห่กันซื้อรถ จนทำให้จำนวนรถบนท้องถนน มากขึ้นกว่าเดิมสองเท่า

ขณะที่ประเทศไทย จากการพยากรณ์อุปสงค์พลังงานในอนาคตแต่ละฉากทัศน์ พบว่า ฉากทัศน์ที่มีความต้องการใช้พลังงานสูงสุดในปี ค.ศ. 2035 ได้แก่ ฉากทัศน์ยุทธศาสตร์ชาติ รองลงมาคือ ฉากทัศน์ที่เน้นอุตสาหกรรม โดยมีความต้องการใช้พลังงาน อยู่ที่ 128,954 ktoe (kilotonnes of oil equivalent : ktoe) และ 127,467 ktoe ตามลำดับ

ส่วนสาขาเศรษฐกิจ ที่มีความต้องการใช้พลังงานสูงสุด ในปีเดียวกัน ทุกฉากทัศน์ ได้แก่ สาขาขนส่ง และอุตสาหกรรม ดังนั้น อุตสาหกรรมการผลิตพลังงานไฟฟ้าในอนาคต จึงยังคงเป็นโอกาสและความท้าทาย สำหรับอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะพลังงานสะอาด ที่ต้องหมุนไปตามกระแสโลก

การสร้างความร่วมมือ ระหว่าง ‘บริษัท สหโคเจน (ชลบุรี) จำกัด (มหาชน)’ ดำเนินธุรกิจ ผลิต-จำหน่ายไฟฟ้า และพลังงานไอน้ำ มานานกว่า 28 ปี กับ ‘เครือสหพัฒน์’ เจ้าของธุรกิจที่มีความหลากหลายในเครือ จัดตั้งบริษัทใหม่ ภายใต้ชื่อ 'บริษัท ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน)' โดยประกาศใช้ชื่อใหม่ ตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา

‘ราชพัฒนา’ เข้ามาสานต่อภารกิจองค์กร จากการเดินหน้าขยายกิจการสู่ ‘พลังงานหมุนเวียน’ เน้นการลงทุนเพิ่มเติม ในกลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้า จากพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งแบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm) และแบบติดตั้งบนทุ่นลอยน้ำ (Solar Floating)

โดยได้ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดแห่งใหม่ ในเขตสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์-ศรีราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และทำพิธีเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท

โรงไฟฟ้าแห่งใหม่นี้ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 79.5 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 75 ตันต่อชั่วโมง ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของบริษัท ทะยานสู่ 153 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 110 ตันต่อชั่วโมง และได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

“โรงไฟฟ้าแห่งใหม่ มีเป้าหมายเพิ่มเสถียรภาพ และความมั่นคงด้านพลังงาน ให้กับประเทศไม่มีสะดุด” นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ ประธานกรรมการ บริษัท ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) กล่าว

บริษัทราชพัฒนาวางเป้าหมาย มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน จากการมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนในธุรกิจพลังงานสะอาด การนำร่องลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นเพียงก้าวแรกเพื่อสร้างโอกาสในก้าวต่อๆ ไป และเป็นหนึ่งในความพยายามที่จะผลักดันประเทศ สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในอนาคต