ประตูสู่วันวิวาห์ตามประเพณี เพียงเฉลิมฉลองการครองรักวันเดียว ช่างสิ้นเปลืองเงินและทรัพยากรโลก ตั้งแต่ออกการ์ดเชิญ ของชำร่วย ชุดแต่งงาน ของขวัญ สินสอด อาหารและเครื่องดื่มงานเลี้ยง ไปจนถึงส่งตัวเข้าหอ ต่างปล่อยก๊าซคาร์บอนเพิ่มขยะมหาศาล ปลูกค่านิยมใหม่ต้นแบบคู่รัก วันแต่งงานเบิกบานชื่นมื่น คืนความยั่งยืนให้โลกเรา

ประเพณีวัฒนธรรมงานแต่งงาน จัดขึ้นเพื่อแสดงออกถึงการเคารพและให้เกียรติครอบครัวอีกฝ่าย ก่อนจะมาผูกดองเป็นคนในครอบครัว เมื่อตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน จึงควรมีผู้ใหญ่บอกกล่าวรับรู้ เป็นพยานรัก รวมถึงเลือกคนในสังคมที่เราสนิทมา ร่วมยินดีกับวันสำคัญของเรา 

แต่ที่ผ่านมาด้วยความที่มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ที่ไร้ขีดจำกัด บางคนมีชื่อเสียง เพื่อน สังคมมากมาย จึงต่างทุ่มเทจัดงานแต่งงานระดับช้าง เชิญแขกเหรื่อมาร่วมเฉลิมฉลอง ทั้งคนมีชื่อเสียงมาสร้างสีสัน ดนตรีมาสร้างความบันเทิง โดยรวมแขกมาร่วมงานไม่ต่ำกว่า 500 จนถึง หลักพันคน เพื่อมาร่วมยินดีกับคู่บ่าวสาวในวันเดียว

วิกฤติโลกร้อนมาบอกเราให้รับรู้ว่า เราจะฉลองงานแต่งแบบจัดหนัก แม้จะมีเงินทองมากมาย แต่ต้องคิดให้ครบ ที่ไม่ใช่แค่เพียงเรา ครอบครัว และคนในสังคม หากต้องการทำให้โลกใบนี้อยู่ยืนยาว ต้องคิดโจทย์งานแต่งที่ไร้คาร์บอน วิวาห์ชื่นมื่นแบบไม่ทำลายโลก

จากสถิติค่าเฉลี่ย งานแต่งงานในอเมริกาปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ต่ำกว่า 60 เมตริกตัน ซึ่งเทียบเท่ากับคาร์บอน เที่ยวบินไปกลับ 71 เที่ยวจากนครนิวยอร์กไปยังรัฐลอสแอนเจลีส (LA) ต้องปลูกต้นไม้ชดเชยประมาณ 60 ต้น โดยที่ปล่อยให้มันเติบโตเป็นเวลา 100 ปี เพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการแต่งงานมากกว่า 2 ล้านครั้งในสหรัฐอเมริกาเพียงแห่งเดียวในปี 2022 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมแต่งงาน จึงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมหาศาล

เว็บไซต์ Mindfully Wed เป็นเว็บไซต์ที่มีแหล่งข้อมูลงานแต่งงานที่มีความตระหนักรู้ด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม Eco-Ethical Wedding ได้มีการจัดทำดัชนีและเครื่องมือคำนวณอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Footprint) ในงานแต่งงานได้ฟรี เพื่อวัดผลกระทบจากงานแต่งงาน

โดยแคท เรย์ (Kat Wray) ช่างภาพงานแต่งงาน ได้กล่าวว่า องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในงานแต่งเข้มข้นที่สุด คือ การเดินทางทางอากาศ จำนวนแขกร่วมงานอัตราสูง รายการในเมนูอาหารที่มีเนื้อสัตว์ เศษอาหาร และดอกไม้นำเข้า ตามมาด้วย รายละเอียดเล็กๆ ในพิธี เช่น การเลือกเครื่องแต่งกายและการตกแต่งความสวยงามที่ เพิ่มการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้าน

“คู่รักควรวางแผนงานแต่งงาน สร้างโอกาสพิเศษด้วยการออกแบบบรรยากาศให้เน้นถึงกิจกรรมสนุกสนาน มากกว่า การทำให้งานแต่งงาน แสดงออกถึงอำนาจของผู้บริโภค จึงควรมัุ่งเน้นการแสดงออกถึงความสำคัญในคู่รัก และสะท้อนความเชื่อมากกว่าพิธี”

ต่อไปนี้คือวิธีวางแผนการเฉลิมฉลองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดีต่อใจ ดีต่อโลก

ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำ 6 วิธี จัดงานแต่งงานไม่ให้ส่งผลกระทบต่อโลก เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาก

1.ลดการปล่อยมลพิษจากการเดินทาง

การตัดสินใจเลือกสถานที่อาจเป็นเรื่องยากและมีหลายปัจจัย แต่เมื่อถึงจุดต้องตัดสินใจควรพิจารณาจากระยะทางในการเดินทางจากที่พักไปงานแต่งภายใน 1 วัน ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนสูง วิธีที่ดีที่สุดคือการเลือกสถานที่ใกล้กับที่แขกส่วนใหญ่อาศัยอยู่ การจัดพิธี การต้อนรับ และการถ่ายภาพในสถานที่เดียวกัน ถือว่าช่วยลดการเดินทางได้มากขึ้น

หากจุดหมายปลายทางแห่งใดต่อรองไม่ลงตัว ก็เปลี่ยนไปเลือกสถานที่ศูนย์กลาง ที่สะดวกสำหรับการเดินทางของแขกส่วนใหญ่ หรือการเดินทางเป็นกลุ่ม โดยการอำนวยความสะดวก เช่น รถบัสรับส่ง เพื่อลดจำนวนการใช้รถของผู้เข้าร่วมใช้

“หากแขกมาจากทั่วทุกมุมโลก เราสามารถเลือกจำนวนผู้ร่วมงานลดเลงได้ เพราะมีไม่มีคนที่สามารถเดินทางไกลไปร่วมงานแต่งได้ ” เรย์แนะนำ

2.เสิร์ฟเมนู สีเขียว ปล่อยมลพิษต่ำ

การเลือกผู้จัดการงานเลี้ยง จะช่วยให้จัดหาอาหารตามฤดูกาล ไม่ต้องสิ้นเปลืองขนส่ง และช่วยลดการปล่อยก๊าซ และยังช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น มีความหลากหลายทางชีวภาพ

มิเชล ไมล์ส (Michelle Miles ) ผู้บริหารธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์จัดงานแต่งงานในสหราชอาณาจักรและ พันธมิตรการแต่งงานที่ยั่งยืน (Sustainable Wedding Alliance) กล่าวว่า ในงานแต่งมีปัจจัยที่คาดเดาไม่ได้ เช่น สภาพอากาศอาจส่งผลต่อความพร้อมในการจัดหาผลิตผลในท้องถิ่น จึงควรเก็บผลผลิตไว้ล่วงหน้า

“ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ถั่วเขียวในท้องถิ่น แต่จะดีกว่านี้หากมีผักตามฤดูกาล และสามารถจัดหาปรับเปลี่ยนเมนูตามความเหมาะสมที่วัตถุดิบมีในท้องถิ่นมี”

มิเชล ยังพูดถึง สัดส่วนเนื้อสัตว์มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 60%จากการผลิตอาหาร โดยเนื้อวัว 1 กิโลกรัมปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 70 กิโลกรัม เท่ากับว่า การฉลองงานแต่งงานที่ยั่งยืนที่สุดคือ “เมนูอาหารมังสวิรัติ” หรือ “วีแกน” ปล่อยคาร์บอนต่ำ

อย่างไรก็ตาม ยังมีทางเลือกสำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณ แต่ยังมีเจตนารมณ์ที่ดี ต้องการ “จัดเลี้ยงแบบยั่งยืน” ให้เกิดขึ้นจริง หรือ หากต้องการมีเนื้อสัตว์ ให้วางแผนมื้ออาหารให้เพียงพอเหมาะสม เพื่อลดปริมาณอาหารเหลือ กลายเป็นขยะ รวมถึง ถามเจ้าของสถานที่จัดงาน อนุญาตให้แขกนำอาหารที่เหลือกลับบ้าน หรือให้พนักงานนำกลับไปรับประทานได้ เห็นงานแต่งในแห่งล้วนต้องทิ้งอาหารเพราะเป็นห่วงสุขภาพคนในท้องถิ่น

นาตาลี โกลด์ฟาร์บ(Natalie Goldfarb) วัย 30 ปี ผู้จัดงานแต่งงานที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมในเมืองโพห์คีปซี เล่าว่า ในปีพ.ศ. 2565 การจัดงานปาร์ตี้ด้วยอาหารยังเป็นวิธีที่ชาญฉลาดในการมอบสิ่งที่พวกเขาต้องการให้กับแขกร่วมงาน แทนของที่ระลึกที่อาจกลายเป็นขยะและยังแบ่งให้กับพนักงาน

“พนักงานทุกคนได้รับอาหารสองสามมื้อจากงานของเรา”

3.เลือกดอกไม้ท้องถิ่นมาตกแต่ง

ดอกไม้ที่ปลูกในท้องถิ่น จัดหามาได้ง่ายและไม่ต้องสูญเสียการขนส่ง จึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าดอกไม้ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ฟาร์มไม้ตัดดอกกำลังแพร่หลาย มากขึ้น ในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ทำให้มีดอกไม้ให้เลือกหลากหลาย และยังมีทางเลือกในการเช่าเช่ากระถางต้นไม้และช่อดอกไม้ผ้าไหมด้วย

สำหรับประเทศไทยดอกไม้ท้องถิ่นที่คนโบราณของไทยนำมาประกอบในงานพิธีสมรสได้แก่ ดอกมะลิ บานไม้รู้โรย ดอกรัก ดอกพุด ดอกเบญจมาศ เป็นต้น

หากดอกไม้ที่คุณชื่นชอบอยู่นอกฤดูกาลหรือไม่ใช่ในท้องถิ่น ลองเปลี่นมาใช้ผักใบเขียวในท้องถิ่นผสมกับดอกไม้นำเข้าสองสามชนิดก็ดูมีความสวยงามลงตัวอีกแบบ และร่วมมือกับองค์กรรีไซเคิลในพื้นที่ ส่งมอบดอกไม้งานแต่งงานไปใช้ประโยชน์ต่อไป เช่น การจัดส่งดอกไม้หลังการจัดงานไปยังศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ

4.เลือกใส่ชุดแต่งงาน-เสื้อผ้าที่ยั่งยืน

ชุดแต่งงาน เป็นคนละทางกับความยั่งยืน เพราะใช้ครั้งเีดยว จึงถือว่าเป็นของฟุ่มเฟือย จึงทำให้มีธุรกิจหลายแห่งเชี่ยวชาญเรื่องชุดทางการแบบวินเทจที่ใช้แล้ว สามารถขายต่อได้

โกลด์ฟาร์บ (Goldfarb) เล่าว่า ได้เลือกชุดแต่งงานจาก 'Housing Works' องค์กรกรไม่แสวงหาผลกำไร ในนิวยอร์ก จะจัดงานลดราคาเสื้อผ้าจากงานแต่งงานประจำปี ทำให้เธอได้คว้าชุดสวยทำจากซับในโพลีรีไซเคิล และผ้าธรรมชาติโดย Louletteสตูดิโอออกแบบในบรูคลิน และสำหรับงานปาร์ตี้เจ้าสาว ชุดเดรสที่ดูจะไม่เข้ากันถือเป็นแฟชั่นจากเพื่อนเจ้าสาวที่สร้างความทรงจำ สามารถนำกลับมาใส่ได้อีกครั้ง

5.เลือกแหวนแต่งงานจากมรดกสืบทอดครอบครัว

แหวนแต่งงาน ไม่จำเป็นต้องใช้วัสดุใหม่ในการผลิตหรือขุดเหมือง ทางเลือกที่ยั่งยืนที่สุดสำหรับเครื่องประดับงานแต่งงานที่เลือกอัญมณีล้ำค่า เช่น เพชร ต้องหามาได้จากการขุดผ่านการทำลายสิ่งแวดล้อมและสังคม หากเทียบกับอัญมณีสังเคราะห์ แม้จะใช้พลังงานมาก แต่หากเทียบกับขุดจากหินที่ขุด ถือว่าการปลูกอัญมณีในห้องทดลองจะมีความยั่งยืนมากกว่า

ดังนั้น การเลือกซิ้อเครื่องประดับใหม่ ให้ค้นหาร้านขายอัญมณีที่ใช้แล้ว หินที่ได้รับการจัดอันดับความยั่งยืน ผ่านการรับรอง และปฏิบัติตามกระบวนการกฎหมาย เพื่อให้แน่ใจว่าปราศจากความขัดแย้งในเหมืองอัญมณี ไม่ต้องกังวลด้านจริยธรรมและสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ อัญมณี เช่น แซฟไฟร์และมรกต ส่วนใหญ่มาจากเหมืองที่มีขนาดเล็กกว่าและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้มากกว่าเพชร ทำให้ผู้บริโภคสามารถค้นคว้าต้นกำเนิดและผลกระทบได้ง่ายขึ้น

6.แค่หนีตามกันไป

งานแต่งงานที่ยั่งยืนที่สุดคือการหนีตามกันไป ลุกค้าของเรย์บางคนสารภาพว่างานแต่งงานในฝันของพวกเขาเป็นการหนีตามกันไป จัดเฉพาะอาฟเตอร์ปาร์ตี้ก็เป็นทางเลือกที่ดี วิธีนี้ช่วยลดความจำเป็นในการซื้อของจิปาถะ เช่น เข็มกลัดเจ้าบ่าวและผังที่นั่งของแจก ช่วยประหยัดงบประมาณเพื่อซื้อของจำเป็นหรือความต้องการอื่นๆ ในชีวิตได้

เธอสนับสนุนให้พวกเขาละทิ้งความกดดันในการยึดมั่นในประเพณีเก่าๆ และกำหนดจุดประสงค์ของพิธีตามความต้องการของคู่รัก

“ตัดสินใจว่า 'อะไรจะสนุกสำหรับเรา'”

บริษัทบางแห่งเสนอไอเดียจำลองงานแต่งตามประเพณีผสมผสาน กับงานที่ตามใจคู่รัก

พี่หนีตามกัน เข้ากับการตกแต่งงานแต่งงานแบบดั้งเดิมเข้ากับรูปแบบที่ยั่งยืน ผ่านการจัดตั้ง โบสถ์ป๊อปอัพ ในแคนาดา มีผู้เชี่ยวชาญมาทำพิธีการ ได้รับความนิยมจัดงานแต่งงาน 10 งานต่อ 10 วัน มีการจัดเตรียมสถานที่แต่งงานพร้อมสรรพทั้ง ดอกไม้ อุปกรณ์บาร์ และเสียงดนตรี สำหรับคนส่วนใหญ่ พร้อมกันกับมีการจัดพิธีในศาลากลางถือเป็นงานแต่งงานสไตล์สอดคล้องกับไอเเดีย เศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy) รูปแบบเรียบง่าย เข้าถึงได้ง่าย เป็นกันเอง แต่หากต้องการรูปแบบความดราม่า เหมือนฉากในหนังรัก แนะนำให้ไปแต่งงานต่อหน้า ลาสเวกัส เอลวิส จะมีคู่รัก 20 คู่ต่อวัน ซึ่งที่นี่ข้อดีคือ ราคาถูก รวดเร็วและง่ายดาย

ที่มา: https://www.theguardian.com/wellness/article/2024/may/02/sustainable-eco-friendly-wedding