นายแจ๊ค หม่ากล่าวว่า ในอีก 30 ปีข้างหน้าผู้ประกอบการจะต้องรับมือกับยุคของเทคโนโลยีและระบบการเงินรูปแบบใหม่ ซึ่ง SMEs ต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยนายแจ๊ค หม่าได้ให้ข้อเสนอที่น่าสนใจเกี่ยวกับความร่วมมือ SMEs อาทิการเข้าถึงแหล่งเงินทุน การสร้างแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการค้าระดับโลก Electronic World Trade Platform (eWTP) ซึ่งอาลีบาบา กรุ๊ปพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลและยินดีแบ่งปันประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่เป็นประโยชน์เพื่อส่งเสริม SMEs และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทย

ขณะที่ดร.สมคิดกล่าวว่า รัฐบาลไทยยินดีให้ความร่วมมือกับอาลีบาบา กรุ๊ปซึ่งมีศักยภาพความร่วมมือกับไทยได้อีกมากในอนาคต สินค้าส่งออกไทยกว่า 90 % มาจากธุรกิจ SMEs ทั้งนี้รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับธุรกิจ E-Commerce เพื่อยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาลที่จะปฏิรูปประเทศไทยให้เข้าสู่เศรษฐกิจที่อาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นปัจจัยในการขับเคลื่อน ซึ่งอาลีบาลาจะเป็นส่วนช่วยในการส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันได้

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดตั้งคณะทำงานด้านE-Commerce ระหว่างภาครัฐและอาลีบาบากรุ๊ป โดยเป็นแผนงาน 1 ปีหลังจากนี้ โดยรองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่ารัฐบาลไทยจะส่ง ดร.อุตตม สาวนายน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นตัวแทน

นอกจากนี้นายแจ็ค หม่า ยังสนับสนุนไทยผลักดันโครงการระบบการชำระเงินผ่านอิเลคทรอนิกส์ หรือ E-Payment เพราะไม่เพียงแต่จะลดการใช้เงินสดในอนาคต แต่จะช่วยเก็บข้อมูลของลูกค้าถึงความต้องการสินค้า สามารถนำมาพัฒนาสินค้าและธุรกิจให้เหมาะสมกับความต้องการมากขึ้น โดยบริษัท Alibaba ยินดีจะให้คำแนะนำกับรัฐบาลไทย โดยเฉพาะระบบความปลอดภัยไม่ให้ระบบมีข้อบกพร่องหรือเกิดการฉ้อฉลได้ พร้อมทั้งให้ความร่วมมือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาสนับสนุนนักท่องเที่ยวจีนที่มีคุณภาพเข้ามาท่องเที่ยวไทยมากขึ้น 

ขณะเดียวกันยังสนใจที่จะร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC โดยนายแจ็ค หม่า ต้องการจะปรับไอเดียสร้างการจัดตั้งเขตการค้าเสรีหรือ FTA สำหรับธุรกิจ SMEs เพื่อปลอดภาษีอากรนำเข้า-ส่งออก และสร้างให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าของ SMEs จากปัจจุบันที่จะทำ FTA เฉพาะธุรกิจรายใหญ่เท่านั้น


]